ผู้เชี่ยวชาญ
ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัทดร.กำพลเป็นนักเภสัชวิทยาที่เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติและ ในปัจจุบันเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี สเต็มเซลล์ในประเทศไทย ดร.กำพลเคยดำรงตำแหน่งเป็นรองศาสตราจารย์ภาควิชาเภสัชวิทยาของมหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาชั้นนำในด้านการแพทย์ของประเทศไทยเคยเป็นที่ปรึกษาขององค์กรอาหารและยาและ เป็นสมาชิกของอนุกรรมการหลายชุดซึ่งแต่งตั้งโดยกระทรวงสาธารณสุข นอกจากนี้ยังเป็นนักวิชาการสมทบของศูนย์การพัฒนายาที่มหาวิทยาลัยทับธ์เมืองบอสตัน ดร.กำพลได้รับปริญญาตรีทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ใน พ.ศ.2515 ปริญญาแพทยศาสตร์บัณฑิตใน พ.ศ.2517และปริญญาเอกในสาขาเภสัชวิทยา ใน พ.ศ.2521 จากมหาวิทยาลัยมหิดล เคยดำรงตำแหน่งนักวิจัยทางการแพทย์และมีตำแหน่งทางวิชาการ ในมหาวิทยาลัยโดยได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้าภาควิชาเภสัชวิทยาและผู้อำนวยการโครงการบัณฑิตศึกษาสาขาพิษวิทยาจนถึง พ.ศ.2531หลังจากนั้นได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองคณบดีคณะบัณฑิตวิทยาลัย (พ.ศ. 2531 – พ.ศ. 2532 และ พ.ศ. 2535 - พ.ศ. 2538)
นอกจากนี้ มีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยอธิการบดี ฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ และวิจัย (2532 – 2533) และ รองอธิการบดี ฝ่ายวิจัยและวิเทศสัมพันธ์ (2533 - 2534) ในช่วงที่ปฏิบัติหน้าที่ในด้านวิชาการ ดร.กำพลได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติในฐานะ ผู้เชี่ยวชาญด้านวิจัยและพัฒนายา โดยมีผลงานตีพิมพ์ทางวิชาการมากมายและเคยทำการวิจัยในมหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษและสหรัฐอเมริกา หลายแห่ง เคยได้รับทุนจากบริติชเคาน์ซิลให้ไปฝึกอบรมในสาขาเภสัชวิทยาที่มหาวิทยาลัยเลสเตอร์ (พ.ศ.2521 – พ.ศ. 2522) และเป็นนักวิจัยสาขาเภสัชวิทยาคลินิกที่มหาวิทยาลัยเอดินเบิร์ก (พ.ศ. 2530 - พ.ศ. 2531) และได้รับทุนวิจัยทางด้านมะเร็งที่โรงพยาบาล โรยัลมาร์สเดนท์ที่ประเทศอังกฤษ (พ.ศ. 2531 –พ.ศ. 2532) ได้รับทุนจากสถาบันนานาชาติเมิร์กให้ไปฝึกอบรมเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านเภสัชวิทยาคลินิกที่มหาวิทยาลัยโรเชสเตอร ประเทศสหรัฐอเมริกา (พ.ศ. 2524 - พ.ศ. 2525) ดร.กำพลเป็นสมาชิกแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย สมาคมเภสัชวิทยาและพิษวิทยาแห่งประเทศไทย ความเชี่ยวชาญพิเศษจะรวมถึงการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับโรคอ้วนและภาวะอ้วนลงพุงศาสตร์การแพทย์บูรณาการและการบำบัดรักษาด้วยสเต็มเซลล์ในปัจจุบันได้เกี่ยวข้องกับการศึกษาวิจัยสเต็มเซลล์ที่ได้จากไขกระดูก เม็ดเลือด เลือดสายสะดือ เนื้อเยื่อไขมัน และฟันน้ำนม มีความร่วมมือทางวิชาการอย่างกว้างขวางกับสถาบันชั้นนำในประเทศสหรัฐอเมริกา เยอรมันสวิสเซอร์แลนด์ ยูเครน รัสเซีย เกาหลี และจีนโดยมุ่งหวังที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นผู้นำในด้านศูนย์กลางการแพทย์แห่งเอเชียมีเทคโนโลยีสเต็มเซลล์เป็นเทคโนโลยีหลัก
ผู้อำนวยการฝ่ายห้องปฏิบัติการ ดร.เพชรินทร์ เป็นนักวิจัย ที่เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติในสาขาอิมมูนวิทยาไวรัสวิทยาและระบาดวิทยาของโรคมะเร็ง โดยมีผลการวิจัยตีพิมพ์ในวารสารซึ่งเป็นที่ยอมรับทางวิชาการมากกว่า90เรื่องทั้งในระดับนานาชาติและระดับประเทศได้รับปริญญาวิทยาศาสตร์บัณฑิตสาขาเทคนิคการแพทย์จากมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ (มหาวิทยาลัยมหิดล) ในพ.ศ. 2509 หลังจากนั้น ได้รับประกาศนียบัตรขั้นสูง สาขาเทคนิคการแพทย์ MT (ASCP) จาก School of Medical Technology มลรัฐนิวเจอร์ซี่ และปริญญาโท สาขาจุลชีววิทยา จาก Medical college of Georgia ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้รับปริญญาเอกในสาขาจุลชีววิทยา จากมหาวิทยาลัยมหิดล ในปี พ.ศ. 2517
นอกจากนี้ยังได้รับการฝึกอบรมอย่างกว้างขวางในสาขาอิมมูนวิทยา ไวรัสวิทยา และระบาดวิทยาของโรคมะเร็งในระดับโมเลกุล ซึ่งดำเนินการโดย องค์กรวิจัยมะเร็งนานาชาติ (International Agency for Research on Cancer (IARC / WHO)), องค์การอนามัยโลกและสถาบันมะเร็งแห่งชาติประเทศญี่ปุ่น ดร.เพชรินทร์ได้ปฏิบัติหน้าที่ในสถาบันการศึกษาและการวิจัยมาโดยตลอดโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสถาบันมะเร็งแห่งชาติ เคยเป็นรองผู้อำนวยการด้านการวิจัยของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ มีบทบาท ในการก่อตั้งห้องปฏิบัติการในการศึกษาวิจัยและให้บริการหลายแห่งในประเทศไทย เป็นผู้ที่ก่อตั้งห้องปฏิบัติการการเพาะเลี้ยงสเต็มเซลล์ของบริษัท ไบโอ เอ็มเอสซี ทำให้ธนาคารจัดเก็บ สเต็มเซลล์จากฟัน สามารถเปิดดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากผู้เชี่ยวชาญของบริษัท ไบโออีเดน ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีความเชื่อมั่นว่า Mesenchymal Stem Cell (MSC) ที่ได้จากฟันน้ำนมและฟันคุดจะมีโอกาสนำมาใช้ในการรักษาโรคที่เกิดจากความผิดปกติของกระดูก และฟัน โรคทางสมอง และโรคที่เกี่ยวกับความเสื่อมอีกหลายชนิดในอนาคตอันใกล้
ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการฝ่ายบริหารของบริษัทไบโออีเดนอินคอร์เพอร์เรชั่น ไมค์ ไบรอม ได้รับปริญญาในสาขาชีวเคมีและมีส่วนเกี่ยวข้องกับการวิจัยทั้งในห้องปฏิบัติการของสถาบันการศึกษาและภาคเอกชนหลายแห่งในประเทศสหรัฐอเมริกาความสนใจของไมค์ในศักยภาพอันมหาศาลของสเต็มเซลล์ที่ได้จากฟันได้กระตุ้นให้ท่านเริ่มดำเนินการพัฒนากระบวนการแยกสเต็มเซลล์และเก็บรักษาเซลล์ชนิดนี้ ไมค์ ไบรอมเป็นผู้ที่รับผิดชอบในการดำเนินการทุกขั้นตอนของไบโออีเดน ควบคุมมาตรฐานและเทคโนโลยีที่ใช้ทั่วกันโลก ไมค์มีความใฝ่ฝันเกี่ยวกับอนาคตของการรักษาด้วยสเต็มเซลล์และการวิจัยและพัฒนาวิธีการรักษาซึ่งดำเนินการโดยนักวิจัยที่มีความสามารถทั่วโลก ไมค์รู้สึกว่าศักยภาพของการรักษาด้วยสเต็มเซลล์เกือบจะไม่มีขอบเขตจำกัดการรักษาที่ประยุกต์ใช้จนกระทั่งถึงปัจจุบันเปรียบได้เสมือนกับหยดน้ำในมหาสมุทรเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับโอกาสที่จะสามารถนำมาใช้ได้กับทุกคนไมค์มีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าสเต็มเซลล์จากฟันจะสามารถนำมาใช้ในการรักษาในราคาที่ไม่สูงมากนักในวงการแพทย์ทั่วโลก